วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ประวัติ ชาวบ้านบางระจัน



ประวัติ ชาวบ้านบางระจัน


ในเดือน 3 ปีระกา พุทธศักราช 2308 เรื่องราวของชาวบ้านธรรมดา 11 คนที่กลับกลายเป็นตำนาน ด้วยต่างหยิบดาบสู้กับพม่าอย่างสุดหัวใจ เพราะความแค้นที่ล้วนแต่ถูกย่ำยีจากกองทัพพม่า ยกกำลังมาแบ่งเป็นสองเส้นทาง มังมหานรธา ตีจากทิศตะวันตก เนเมียวสีหบดี ตีไล่จากทางเหนือ หวังขนาบกรุงศรีอยุธยา ครานั้นทัพของเนเมียวต้องล่าช้าไป เนื่องจากติดขัดกับกลุ่มชาวบ้าน ที่รวมตัวกันต่อต้านในนาม บางระจัน
เน เมียวสีหบดี แค้นหนักที่กองทัพของตนพ่ายแพ้ถึงสามครั้ง จึงเพิ่มกำลังหนักเข้า ชาวบ้านระจันจึงรับอย่างถวายหัว แต่คราวนั้น พ่อแท่นหัวหน้าของชาวบ้านถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ทุกคนจึงต้องหาผู้นำคนใหม่ ขณะนั้นข่าวการชนะพม่าของบางระจันกระจายไปทั่ว ชาวบ้านมากมายพากันมารวมตัวสู้ บางระจันได้ผู้มีฝีมือ อีกสองคนมาช่วย คือ นายดอก ครูมวยจากวิเศษไชยชาญ แล นายทองแก้ว ครูดาบบ้านโพธิ์ทะเล
ชื่อ กลุ่มโจรของนายจันหนวดเขี้ยวเป็นที่กล่าวขานในเวลานั้น บางระจันจึงส่งนายอิน มือแม่นธนู นายเมืองคนหนุ่มใจกล้า แลพวกเสี่ยงภัยออกจากค่ายไปตาม นายจันยอมมาช่วยบางระจันทันที เมื่อรู้ว่าพระอาจารย์ธรรมโชติย้ายจากเขานางบวช บ้านเกิดของตนที่วอดวายไปแล้ว มาจำวัดที่บางระจัน
นายจันหนวดเขี้ยว เป็นนักรบประเภท ยอมหักไม่ยอมงอ ด้วยครั้งหนึ่งตนเคยเสียชีวิตลูกเมียให้พม่า เมื่อได้ผู้นำคนใหม่ จึงเปลี่ยนแปลงบางระจันให้ทุกคนมีวินัย และไม่ทำอะไรตามใจตนเอง ทำให้นายจันไม่เป็นที่ถูกใจของนายทองเหม็น ขี้เมาพเนจรที่ชอบขี่ควายแอบออกจากค่าย ไปตีพม่าอยู่บ่อยครั้ง ไม่มีใครรู้สาเหตุว่านายทองเหม็น ทำอย่างนั้นเพื่ออะไร
เมื่อหยุด จากการรบ ชาวบ้านก็เป็นเพียงชาวบ้าน ความรักของนายเมืองและอีแตงอ่อน ลูกสาวพ่อแท่นกำลังก่อตัวขึ้นอย่างงดงาม พ่อแง่ แม่งอน ตามประสา เช่นเดียวกับนายอิน กับอีสา เมียรักที่เพิ่งอยู่กินกัน ความกดดันจากสงครามทำให้อีสา ไม่บอกให้นายอินว่าตนกำลังท้อง ด้วยกลัวผัวจะเป็นกังวล
นายอิน นายเมือง ต้องเสี่ยงภัยกันอีกครั้ง เมื่อต้องเดินทางไปกรุงศรีอยุธยาเพื่อขอปืนใหญ่ แต่เมื่อไปถึงได้รับการปฏิเสธกลับมา ที่นั่นนายเมืองได้เล่าเรื่องของตนให้ทหารกรุงศรีอยุธยาว่าพวกตนไม่ใช่คน บ้านบางระจันมาแต่เริ่ม เพราะว่าเป็นคนบ้านศรีบัวทอง ถูกพม่าตีแตก แต่ได้พันเรืองกำนันบางระจัน แล ขุนสัน นำพวกเข้าช่วยไว้
เมื่อนาย อินกลับมาแล้วจึงรู้ทีหลังว่าเมียกำลังท้อง แล้วนายปลั่งเพื่อนรักที่ร่วมรบกันมา บาดเจ็บจนพิษไข้ขึ้นถึงกับวิกลจริตไป ซ้ำมารู้ว่าตนกำลังจะมีลูกนึกแค้นพม่าหนัก นัดพาพวกล่องเรือไปตีพม่าถึงค่าย โดยไม่รู้ว่าพวกพม่าเองก็แอบส่งกำลังมาตีบางระจันเช่นกัน
ครั้ง นั้นด้วยใจร้อน นายอินพาคนไปตายมากมาย ซ้ำกลับมาค่ายบางระจันก็ถูกตีจนยับเยิน คนตายมากมาย ชาวบ้านก็พากันอพยพหนีไป นายจันท้อใจจะกลับไปเป็นกองโจรเหมือนเดิม หากแต่ได้กำลังใจอย่างไม่คาดคิดจากนายทองเหม็น ขี้เมาที่เป็นอริกันมาตลอด และรู้ว่าแท้จริงแล้วนายทองเหม็นก็มีอดีตที่เจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าตน ลูกเมียมันถูกจับไปอย่างไม่รู้เป็นตาย ที่มันแหกค่ายไปพม่า เพราะต้องการหาลูกเมียมัน ด้วยมีความหวังเสมอว่าทั้งสองยังรอดชีวิตอยู่
กำลัง ใจบางระจันกลับมาอีกครั้ง พระยารัตนาธิเบศร์ เดินทางมาจากอยุธยาเพื่อช่วยชาวบ้านหล่อปืนใหญ่ขึ้นสู้รบกับพม่า แต่ก็เท่านั้นเพราะเป็นปืนใหญ่ที่หล่อร้าว ใช้การไม่ได้ หลวงพ่อธรรมโชติ เห็นชาวบ้านหมดกำลังใจจึงปลุกเสกผ้าประเจียด และเครื่องรางให้
ยาม นั้นพม่า ได้แต่งตั้งนายกองคนใหม่ชื่อสุกี้ เข้าตีบางระจัน ทัพสุกี้ครั้งนี้มีปืนใหญ่มาด้วย บางระจันเอาปืนใหญ่เข้าสู้ทั้งที่ร้าวอย่างไม่มีทางเลือก ทุกคนรู้ชะตากรรมดีว่า นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายของบางระจันแล้ว ความรักของนายเมืองและอีแตงอ่อนกำลังสุกงอม แต่ก็ต้องหยิบดาบไปสู้ ทั้งๆ ที่รู้ชะตากรรม นายอินและอีสา เพิ่งจะเป็นครอบครัวได้หมาดๆ ก็ตัดสินใจออกไปรบแลตายร่วมกัน เฉกเช่นชาวบ้านบางระจันทุกคน
แต่ น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ เมื่อการรบพุ่งครั้งที่ 8 พม่ายกกำลังมานับหมื่นพร้อมด้วยปืนใหญ่ ชาวบ้านไม่สามารถต้านทานทัพพม่าไว้ได้ บางระจันแตกสลาย หลงเหลือไว้เพียง วีรกรรมเป็นประวัติศาสตร์ที่คนไทย ไม่อาจลืม!
                                ตราบใดกูยังไม่ตาย มึงอย่าหมายย่ำเหยียบแผ่นดินกู

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น